Sunday, September 13, 2015

ผ่าไซนัสรอบสอง

หลังจากพบหมอจากโพสต์ก่อนหน้า สุดท้ายก็สรุปผ่าวันที่ 10 กันยา เวลาดี

ก่อนหน้าอาทิตย์นึงก็ตามขั้นตอน เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด พบหมอวิสัญญี ครั้งนี้เจอหมอผู้หญิง หมอก็ถามผ่าครั้งที่แล้วเป็นไง รู้สึกมึน เหนื่อยอะไรไหม แพ้อะไรหรือเปล่า ตามขั้นตอนเหมือนครั้งก่อน หมอก็บอกว่ามีพ่นยาเหมือนเดิมนะ แต่ก็บอกหมอไปนะว่าครั้งที่แล้วร้อนมาก เหงื่อออกเยอะมาก เพราะฤทธิ์ยาป่าว แต่หมอบอกว่าไม่เกี่ยว นั่งๆก็นึกขึ้นได้ยังขำหมอวิสัญญีคนก่อนที่ พอหมอเห็นน้อง Kanken หมอถามว่าทำไมถึงดัง เห็นนักศึกษาใช้กันเยอะ เราก็บอกว่ามันเบาดี กันน้ำด้วย หมอเลยขอจับดูหน่อย  555 แต่พยาบาลหน้าห้องครั้งนี้เค้ามั่วมากๆ บอกว่าผ่าบ่ายสองให้มาบ่ายสอง เราก็บอกว่าไม่นะ เค้านัดให้มาสิบโมง พยาบาลก็แบบไม่ใช่ๆ เราก็งง แต่เรายังเชื่อในใบนัด เพราะเราต้องมาพ่นยา พยาบาลก็บอกว่าไม่นะ ไม่ได้ เราเลยขี้เกียจเถียง ยังไงเราก็จะมาตามเวลาเดิมที่คุณจองห้องเค้าแจ้งไว้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อพยาบาลนี่คงแย่แว้วววว มาไม่ทันแน่นอน

ครั้งนี้เผื่อเวลามาห้องน้อยกว่าครั้งที่แล้ว ไม่ตื่นเต้นแล้ว 555 มาถึงก็ได้ห้องใกล้ๆกับห้องเดิม ชั้นเดิม พยาบาลมาเจาะให้น้ำเกลือ กับพ่นยาหอบ สงสัยเป็นน้องพยาบาลใหม่ จิ้มหลายที พี่เจ็บมากค่ะน้อง แถมเจาะข้างขวาอีก ทำอะไรไม่ถนัดเลย ลุกเอย เข้าห้องน้ำเอย ลำบากมาก แขนซ้ายไม่แข็งแรงก็งี้

นั่งๆนอนๆซักพักก็มีคนเดินเข้ามาสองกลุ่ม กลุ่มแรกน่าจะเป็นน้องนักศึกษาพยาบาลมาถามอาการ ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วก็จากไป แล้วก็มีเหมือนเจ้าหน้าที่โภชนาการมาให้ทำแบบสอบถามเรื่องการกิน การออกกำลังกายงี้ ว่าออกกำลังกายอะไรบ้าง ไม่รู้เอาไปทำอะไร เราก็นอนรอดูทีวีวนไป ซักพักเจ้าหน้าที่ก็มา มีนัดหมอตาให้แม่ไปหาเวลารอผ่าตัดด้วย ตอนแรกว่าจะเริ่มบ่ายโมง ไปๆมาก่อนเที่ยงก็มาเรียกไปละ

ขั้นตอนก็เหมือนเดิม เข็นลงไปห้องผ่าตัด ตื่นเต้นน้อยลงเยอะ แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี ครั้งนี้เข้าไปไม่เจอหน้าหมอเลยด้วยซ้ำ มีแค่วิสัญญีมาถามชื่อแล้วความรู้สึกก็วูบหายไป.........................

ตื่นมาอีกทีก็หิวน้ำเหมือนเดิม คอแห้ง แล้วก็รู้สึกร้อนตลอดเวลา แต่ก็หลับๆตื่นๆนะ พอออกมาจากห้องพักฟื้นก็กลับขึ้นห้อง แม่กับป้ารออยู่หน้าห้อง

Tuesday, September 1, 2015

ผลหลังการผ่าไซนัสรอบแรก

ผ่านไปเกือบสี่เดือนหลังการผ่าตัด มี follow up เรื่อยๆทุกเดือน ช่วงแรกถี่หน่อย อาทิตย์ สองอาทิตย์ หลังจากนั้นก็เป็นทีละเดือน แรกๆยังไม่รู้สึกว่าดีขึ้น มาช่วงเดือนสิงหาที่รู้สึกว่าจมูกข้างขวาโล่งขึ้น แต่ก็ต้องล้างจมูกตลอด เช้า เย็น

ตอนเช้าตื่นมานี่รู้สึกเลยจมูกตันมาก หลังๆเริ่มดีขึ้น ล้างแล้วจมูกโล่ง แต่ประเด็นคือโล่งข้างเดียว ข้างขวาดีมาก แค่ข้างซ้ายยังไม่โล่ง มันทึบๆตลอด เราเองก็รู้สึก

วันอาทิตย์ 30 สิงหา มาหาหมอตามนัด หมอส่องข้างขวาก่อน หมอบอกโล่ง พอมาข้างซ้าย หมอบอกมันตีบลงมาอีก ผ่าซ่อมเหอะ! หืมมม ช็อค งง มึนๆ หมอถามว่าฉีดยาชาไหม หรือดมยาดี หมอบอกถ้าขี้กลัวก็ดมยา สุดท้ายหมอก็สรุปว่าดมยาดีกว่า เผื่อจะต้องทำอะไรอีก

ด้วยความกำลังอึ้ง ก็ตกลงเลือกวันอย่างงงๆ สองอาทิตย์หลังจากที่ตรวจ ไม่ได้คุยกะใคร ลืมไปว่าช่วงนั้นงานเข้าหนักมาก อีกอย่างลืมถามไปเลยว่าตีบกลับมาได้ไง ลืมถามทุกอย่าง

สุดท้ายคุยกับแม่ว่าจะผ่า บอกแม่ปุ๊ป แม่นอยด์ปั๊ป ขอโทษค่าาาแม่ แม่ก็ตกใจมาก เลยเดินงงๆกลับไปถามหมออีกรอบ สติไม่มีจริงๆ หมอบอกว่าเหมือนครั้งก่อนขยายไปแล้ว แต่ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเอง มันก็หดกลับมา โครงสร้างเรามันไซนัสเล็กตั้งแต่เด็ก เลยถามว่าผ่าอีกทีมันไม่หดอีกเหรอ หมอบอกว่ามันก็จะยากขึ้น 

ตอนนี้ก็รอผ่าต่อไป

Friday, May 29, 2015

ประสบการณ์การผ่าตัดไซนัส!

อยากบันทึกเอาไว้สำหรับประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต ถึงจะเป็นผ่าตัดเล็กๆก็เหอะ

หลังจากต่อสู้กับคุณไซนัสอักเสบมาเป็นเวลานานมาก กินยาฆ่าเชื้อมานับไม่ถ้วน ก็ถึงเวลาต้องผ่าตัดจริงๆเสียที

หลังจากเปลี่ยนไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลพระราม 9 มา 5-6 เดือน คุณหมอบอกว่าไม่ไหวแล้ว ถึงทนกินยาได้ แต่มันไม่ดีขึ้นเลย คงถึงเวลาต้องผ่าซักทีหลังจากที่เราเองก็ยื้อมานาน ผล CT ออกมาตามคาด มีโพรงจมูกคดด้านซ้ายตามที่หมอบอกหลังจากส่องกล้องครั้งแรก มีเมือกเต็มโพรงไซนัสเกือบทั้งหมด มันทึบมากๆ ยังดีไม่อักเสบจากเชื้อรา หมอบอกว่าถ้าเป็นเชื้อรามันจะเกาะแน่น ไม่ไหลไปมา แต่มีจุดนึงใกล้ประสาทตาที่ค่อนข้างเสี่ยงแล้วก็เครื่องมือของ รพ นี่ไม่พร้อม หมอเลยแนะนำให้ไปผ่าที่เครื่องมือพร้อมกว่า พวกเอกชนก็ราม บำรุงราษฎร์ รพ.รัฐหลักๆนี่มีอยู่แล้ว

สรุปเลยจะไปผ่ากับหมอ รพ.รัฐแห่งนึง คิวคุณหมอแน่นมากๆ ต้องไปหาคุณหมอที่ รพ เอกชนก่อนเพื่อขอคิวไปพบหมออีกที สรุปได้นัดมาผ่าเดือน พค แต่ต้องมีตรวจหอบหืดก่อนเพราะต้องดมยา สอดท่อ เดี๋ยวมีปัญหา เราเองก็ไม่ได้หาหมอรักษาหอบหืด อันนี้เป็นข้อผิดพลาดใหญ่ของตัวเองโดยคิดว่าหอบไม่มีก็ไม่ต้องหาหมอ ตอนนี้ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นอะไร

พอไปหาหมอหอบหืด ก็เล่าให้หมอฟังว่าพึ่งเป็น เกิดมาสองครั้งในรอบครึ่งปี หมอก็บอกว่านี่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเหรอ ปอดวิ้ดเต็มไปหมด ตกใจเหมือนกัน บอกหมอไม่รู้สึกไรเลยค่ะ 55 หมอบอกว่าตอนนี้อาจยังไม่รู้ แต่ถ้าไม่รักษามันจะมีปัญหาตอนแก่ตัว จุดสำคัญคือทำไงไม่ให้หอบขึ้นเลย ไม่ใช่ว่าหอบขึ้นแล้วค่อยรักษา สุดท้ายหมอเลยให้ยา symbicort มาพ่นอาทิตย์นึงแล้วนัดมาเป่าปอดเพื่อดูว่าจะผ่าตัดได้ไหม

วันที่ 1 พฤษภา -  อาทิตย์นึงผ่านไป มาเป่าปอด คุณพยาบาลใจดีมาก คอยกระตุ้นเวลาเป่าปอดสุดๆ

วิธีการเป่าปอด
1. หายใจออกให้หมด
2. คาบที่เป่าไว้ มีคลิปมาหนีบจมูกไม่ให้หายใจทางจมูก
3. หายใจเข้าให้เต็มปอด จนสุด
4. พ่นลมออกอย่างเร็วและแรง หายใจออกให้ได้ 6 วินาที

ความยากมันอยู่ตรงหายใจออกให้นาน 6 วินาทีนี่แหละ มันไม่ถึง 6 วิซักกะที พยาบาลก็ให้กำลังใจตลอด ทำได้ๆ เอาอีก ไหวๆ เป่าไป 6 ครั้งได้มั้งกว่าจะได้ผลที่โอเค

เป่าเสร็จ พ่นยา รอ 15 นาที มาเป่าอีกรอบ คราวนี้เหมือนหมดแรง เป่าไม่แรงเท่าทีแรก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนจะขาดใจ หมอบอกว่ามีหลอดลมตีบนิดหน่อย ไม่เป็นอุปสรรคในการผ่าตัด แต่ก็ยังต้องพ่นยาไปเรื่อยๆ แล้วอีกสามเดือนค่อยมาปรับขนาดยาพ่นอีกที

จากนั้นก็ไปหาวิสัญญีแพทย์ ผลเลือด ปอด ทุกอย่างโอเค ไม่มีปัญหา ก็สบายใจไป

วันที่ 7 พฤษภา ดีเดย์มาถึง แต่วันก่อนหน้ายังงกๆทำงานถึงสามทุ่ม นัดผ่าตอนบ่ายสาม เค้านัดไป admit ตอนสิบโมง ด้วยความกลัวรถติดจัด เรากับแม่ไปถึงตอนก่อนเก้าโมง คุณคนที่โทรนัดก็บอกว่านัดกันไว้สิบโมงนิคะ เลยต้องนั่งรอนานมาก เอกสารมาช้ากว่าจะได้ไปที่วอร์ดก็เกือบสิบเอ็ดโมง แล้วคุณพยาบาลก็เดินมาบอกว่าเลื่อนเวลาค่ะ เดี๋ยวผ่าเลย เฮ้ยตกใจแพร๊พ ไม่ทันตั้งตัว คุณพยาบาลมาเลยเจาะให้น้ำเกลือ หน้ากากครอบพ่นยา ตื่นเต้น 55 ไม่เคยให้น้ำเกลือ ไม่เคยครอบหน้ากากมาก่อนในชีวิต

เที่ยงกว่าๆก็มีพยาบาลจากห้องผ่าตัดมารับตัว แม่กับพี่เดินมาส่งด้วย เราไม่รู้ว่าหน้าตาเราอาจจะแพนิคแบบไม่รู้ตัวป่าวไม่รู้ แม่ก็บอกไม่มีไร พยาบาลบอกดูหน้าตาซีดนะคะ หลังจากเข้าไปในเขตผ่าตัดแล้วพยาบาลก็ดีนะเค้าก็ชวนคุยนอกเรื่องให้ผ่อนคลาย ถามว่่าเดินเยอะเหรอคะ เท้าดูแห้งกร้าน (จี้ใจดำสุดๆ) เค้าก็บอกทาโลชั่น ใส่ถุงเท้านอนจะช่วยได้ แล้วเค้าก็พาไปนอนอีกห้องนึงรอเวลา ตอนนั้นปวดฉี่มาก 555

บ่ายโมงก็โดนเข็นไปห้องผ่าตัดจริงจริงแล้ว ไฟสว่างไปหมด หมอถามว่าเป็นไงบ้าง ได้แต่ยิ้ม ไม่รู้พูดไร เห็นหน้าหมอผ่าตัดแค่นั้น แล้วหมอดมยาก็มาถามว่าชื่ออะไร เคยผ่าตัดมาก่อนไม๊ เดี๋ยวเค้าจะฉีดยาให้นะแล้วก็จะหลับไปนะ ................ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าน้ำตาไหลพราก แล้วก็เห็นหมอดมยาลางๆ จำไรไม่ได้เลย ร้อนมากกก หิวน้ำมาก ถามพยาบาลแถวนั้นว่ากินน้ำได้ไหม เค้าบอกไม่ได้ คงกลัวจะสำลัก เหงื่อนี่อย่างท่วม ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาหรือว่าเพราะอากาศในห้องนั้น ร้อนก็ร้อน นอนก็ไม่หลับ กระสับกระส่าย เวลาผ่านไปน่าจะซักชั่วโมงแหละมั้ง เค้าคงดูอาการ แต่หายใจได้นะ ไม่มีอะไรมาอุดเหมือนที่คนอื่นบอกกัน หายใจได้สบาย จมูกโล่ง หารู้ไม่ว่าจริงๆมันเป็นเพราะยาช่วยต่างหากก

ได้เวลาเค้าก็พากลับห้อง อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เปลี่ยนชุด ในที่สุดก็ได้กินน้ำกับฉี่ 5555 ดีอย่างที่เราไม่มีอาการมึนจากยาสลบเลย ชิลล์มาก หน้าตาผ่องใส ไม่อิดโรย ญาติๆที่แวะมาบอกเลยว่าหน้าไม่เหมือนคนผ่าตัดมา กินได้ ทำไรได้สบาย ไม่เจ็บ ตอนแรกกลัวมากเพราะมีแต่คนบอกว่าเจ็บมาก

มื้อเย็นกินข้าวต้มกับกับข้าว อาหารโรงพยาบาลอร่อยดี

ตอนแรกยังรู้สึกจมูกโล่ง ซักพักพยาบาลมาให้ล้างจมูก เลือดเพียบ! และจมูกก็ไม่รู้สึกโล่งอีกต่อไป 5555 แต่ก็รู้อยู่ว่าจะต้องมีเลือดซึมๆออกมา ก็มีทิชชู่กองไว้ข้างตัวเหมือนสมัยเป็นไซนัส แต่อันนี้เป็นเลือดแทนมูก โหดกว่า ความทรมานคือต้องหายใจทางปากอย่างเดียว จมูกไม่ได้เลย แล้วพอหายใจทางปาก คอเอย ริมฝีปากเอยแห้งสุดๆ ต้องคอยจิบน้ำตลอด พอถึงตอนนอนก็นอนไม่ค่อยได้ เพราะหายใจไม่ออก แล้วก็คอแห้ง สะดุ้งตื่นทั้งคืน

วันถัดมาหลังผ่าตัด

ล้างจมูก กินข้าว กินยาเหมือนเดิม แล้วก็รอหมอมาตรวจ หมอมาถึงประโยคแรกเลย "เคสคุณโคตรยากเลย มิน่าหมอเค้าถึงทรานสเฟอร์มา มันเขียวเหมือนเป็นวุ้นๆ น่าจะเรื้อรังมานานมาก แล้วก็อักเสบจนกลายเป็นกระดูก มีริดสีดวงจมูกด้วย ผนังกั้นโพรงจมูกคดอีก แต่ผมเอาออกไปหมดแล้ว" ที่เหลือก็มา follow up หมอมาอย่างรวดเร็ว พูดอย่างรวดเร็ว และจากไปอย่างรวดเร็ว 555

กินข้าวแล้วก็เช็คเอ้าท์ กลับบ้าน

อาการหลังจากนั้นก็ยังมีหายใจไม่ค่อยออก เสียงขึ้นจมูก เลือดซึม เรื่อยๆ แต่มันก็มีบางโมเม้นท์นะที่ล้างจมูกแล้วโล่งสุดๆ ก็หวังว่าเราอย่าได้มาเจอกันอีกเลยนะไซนัสนะ ต่อไปต้องออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง



Friday, January 30, 2015

Wrap Up 2014

ห่างหายไปนานมาก ขอสรุปเหตุการณ์สำคัญๆในปี 2014 ก่อนที่จะลืมมันไป

1. Hokkaido in Summer (Rainy) - July 

ทริปกะทันหันสุดๆของ TT และ NN  อยู่ดีๆก็ตัดสินใจไปกันแบบเออไปๆ ตั๋วแพงสุดๆ แต่ก็ไป สนุกมาก อิ่มมาก อร่อยด้วย อยากไปอีก

2. My first 10K run! - November

อันนี้ก็ตกปากรับคำโดยไม่ดูตัวเอง สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยเวลา 1:31:28 วันถัดมาเดินแทบไม่ไหว 

3. Ied - Ake Wedding - Dec
ไม่เกี่ยวกับชั้นแต่มันก็ดีใจอ่ะนะ

4. หนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกในชีวิต - น้องคอนโดน้อยอีก 3 ปีถึงจะเสร็จ - Oct



5. ปีแห่งการหาหมอ - หอบหืดครั้งแรกในชีวิต ฉลองวันเกิดกับการเกือบต้อง admit! - Sep

ไม่อยากเชื่อว่าอยู่ดีๆตัวเองจะกลายเป็นหอบหืดขึ้นมาได้


[SKE48] ซิงเกิ้ลที่ 32 ซิงใหม่ของ SKE48 Ai no Hologram

ขอโปรโมทซิงใหม่ของ SKE48 หน่อยจ้า ส่วนตัวถึงแม้จะติดตามวงมาไม่นาน รู้สึกชอบวงนี้มาก เต้นสวย เต้นแข็งแรง มีสเตจใหม่ครบ 3 ทีม มีความเพิร์ฟดีมา...