This trip was the first trip I had ever organized and it was ABROAD TRIP. How dare I am!! There were many unexpected things happened and many many things I have learned and awared. This is a good lesson for me in order to prepare for the next one, "backpack in Europe". Even it's not going to happen this year though (due to Rabbit year orz) All of this started between Ieddy and I about getting bored with work and want to go for travel. Suddenly, I asked Ied "Let's go to Korea"...and I really dont know what inspire me though. Surprisingly, Ied just agreed with me... we are really match!....couple months after our first agreement, i went to talk to Ied again whether she is still IN or not...then we realise we should make it to SE Asia or HK trip first before aim high to Korea. Then the trip begins.
Initially, we separated job by I book the hotel and Ied book the plane ticket. I dont know why everything end up to be me, myself and I who did everything from search the flight, search hotel deal, buy USS ticket, blah blah blah..it supposed to be two person job though...but as i mentioned before, i was good experience and lesson :)
-- after couple months passed, time to finish the trip before anniversary :) --
So, there are total 6 persons in this trip. Sia, Mo, Air, Ied, P'May and I...
December xx, 2010
Our flight time is xx.xx am, normally at this time of flight, I can wake up ~6 am. That's enough time to go to airport but since we have to make a detour to pick p'may first so i have to wake up ~4.30 am!?!?! very sleepy ~~~ hehe....
after check-in and everything, the shopping has begin - Sia has total 5-6 bags of perfume, bags and something else and he was the last person on board! we almost miss the flight hahahah...
then, finally, we reach Changi international airport safe and sound by JetStar ^^ after a talk, we decided to take maxi cab since the price for all 6 of us is very comparable to take a train. and it's a lot easier and faster then a train ride. after ~20 min of cab, we reached the hotel "novotel clarke quay". i went for check-in and everything, dunno why, my first impression with the hotel staff is not good... probably i compare with service i can have in Thailand and Japan..because of service mind?!? ..anyway, we couldnt stay in the same floor, 2 in same floor and another in upper floor. the funny thing is we have no idea about using key card for elevator -*- it took us like couple minutes before realize that 555555...
after check-in, wash the face, keep the stuff in the room, we rush out to see n'noon (korn's friend) before she flies back to bangkok tonight. everything is in rush, since we still not familiar with the area, and the train and half slow and half fast pace members 5555... finally, we met n'noon at city hall station... as a host, she recommend us the chicken rice restaurant called xxxxxx.. it was really good late lunch...chicken is very juicy...yummmmmm! my stomach is craving for good food while typing this blog hahha..... after meal, n'noon has to go back for packing. we say good bye and it's time for us to explore by ourself...as a poor planner, i just say we go to esplanade and merlion....we walked thru many malls, get distracted by Charles and Keith and other SALE items...by the time we reached esplanade, it was raining....too bad....
== still not finish ===
Wednesday, December 29, 2010
Sunday, September 26, 2010
มือถือกับรถไฟฟ้า
วันนี้ไหนๆก็ระดมโพสต์ไปแล้วสามอัน ขอพื้นที่บ่นอีกหัวข้อนึงละกัน
อันนี้เป็นเรื่องที่เห็น ที่รู้สึกมาพักใหญ่มากๆ แต่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขอเอามาเล่าสู่กันฟังละกัน
เหตุเกิดบนรถไฟใต้ดินขบวนหนึ่ง ตอนเดินเข้าไปก็ไม่ได้อะไรเห็นคนสองคนนั่งตรงข้ามกันอยู่ แล้วก็คุยโทรศัพท์อยู่ทั้งคู่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเราจะนิยมคุยโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าจะมีสักขีพยานนับร้อยนั่งสลอนกันอยู่
คนที่หนึ่งชีเป็นผู้ชายร่างยักษ์ เอาพัดอันใหญ่มากป้องปากไว้ ตอนแรกเราก็โอเควะ อย่างน้อยเค้าก็พยายามที่จะไม่่ส่งเสียงออกมารบกวนคนอื่น แต่แม่เจ้ามันไม่เป็นแบบนั้น เสียงชีดังมาก แล้วมันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ เข้าใจว่าเค้ามีสิทธิ์ในการคุยโทรศัพท์ แต่เค้าคิดไม๊ว่าเค้ากำลังละเมิดสิทธิ์เราอยู่ เราไม่ได้สนใจ ไม่ได้อยากฟัง แล้วทำไมเราต้องทนฟังด้วย
คุณคนตรงข้ามก็ไม่ต่างกัน คุยเสียงดังมาก ก็ไม่เข้าใจว่าเสียงรฟฟมันดัง หรือหูไม่ค่อยดีกัน จะตะโกนกันทำไม ไม่รู้สึกเคอะเขินกันเลยเหรอ
จริงๆบนรถเมล์เราก็คงเจอเหมือนกันแหละ แต่รถเมล์เสียงมันดังป่ะ เราก็เลยไม่ค่อยรู้สึกกันเท่าไหร่ เราน่าจะรณรงค์การใช้โทรศัพท์แบบมีมารยาทมากกว่านี้หรือเปล่า
ไหนๆก็ไหนๆขออีกเรื่อง คุยโืทรศัพท์ตอนขี่มอเตอร์ไซค์ พี่คะพี่ไม่มีไรหุ้มกระดูกพี่นะคะ แล้วอยู่ดีๆพี่ก็ชะลอรถหยิบโทรศัพท์เนี่ย หรือไม่ก็ถือโทรศัพท์มือนึงจับแฮนด์มือเดียวกลับรถเนี่ย เรื่องมันคอขาดบาดตายขนาดที่เราควรเอาชีวิตมาเสี่ยงขนาดนี้เหรอ
คุยตอนขับรถเหมือนกัน เราไม่เถียงหรอกนะว่าเราก็เป็นคนนึงที่ใช้ แต่เราพยายามใช้ให้น้อยที่สุด ไม่ก็ผ่าน small talk แต่สิ่งนึงที่เรารู้ตัวเลยคือพอคุยโทรศัพท์ไปขับรถไป มันดึงสมาธิจากการขับรถไปจริงๆนะ แล้วที่เจอเป็นประจำเนี่ย วิ่งเลนขวาบนทางด่วน ขับช้ามาก จี้ก้แล้ว เปิดไฟก้แล้ว ไม่สำนึก พอแซงไปได้ โอ้ววว คุยโทรศัพท์อยู่
ทำไงเราถึงจะใช้โทรศัพท์กันอย่างมีคุณภาพมากขึ้นนะ
อันนี้เป็นเรื่องที่เห็น ที่รู้สึกมาพักใหญ่มากๆ แต่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขอเอามาเล่าสู่กันฟังละกัน
เหตุเกิดบนรถไฟใต้ดินขบวนหนึ่ง ตอนเดินเข้าไปก็ไม่ได้อะไรเห็นคนสองคนนั่งตรงข้ามกันอยู่ แล้วก็คุยโทรศัพท์อยู่ทั้งคู่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเราจะนิยมคุยโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าจะมีสักขีพยานนับร้อยนั่งสลอนกันอยู่
คนที่หนึ่งชีเป็นผู้ชายร่างยักษ์ เอาพัดอันใหญ่มากป้องปากไว้ ตอนแรกเราก็โอเควะ อย่างน้อยเค้าก็พยายามที่จะไม่่ส่งเสียงออกมารบกวนคนอื่น แต่แม่เจ้ามันไม่เป็นแบบนั้น เสียงชีดังมาก แล้วมันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ เข้าใจว่าเค้ามีสิทธิ์ในการคุยโทรศัพท์ แต่เค้าคิดไม๊ว่าเค้ากำลังละเมิดสิทธิ์เราอยู่ เราไม่ได้สนใจ ไม่ได้อยากฟัง แล้วทำไมเราต้องทนฟังด้วย
คุณคนตรงข้ามก็ไม่ต่างกัน คุยเสียงดังมาก ก็ไม่เข้าใจว่าเสียงรฟฟมันดัง หรือหูไม่ค่อยดีกัน จะตะโกนกันทำไม ไม่รู้สึกเคอะเขินกันเลยเหรอ
จริงๆบนรถเมล์เราก็คงเจอเหมือนกันแหละ แต่รถเมล์เสียงมันดังป่ะ เราก็เลยไม่ค่อยรู้สึกกันเท่าไหร่ เราน่าจะรณรงค์การใช้โทรศัพท์แบบมีมารยาทมากกว่านี้หรือเปล่า
ไหนๆก็ไหนๆขออีกเรื่อง คุยโืทรศัพท์ตอนขี่มอเตอร์ไซค์ พี่คะพี่ไม่มีไรหุ้มกระดูกพี่นะคะ แล้วอยู่ดีๆพี่ก็ชะลอรถหยิบโทรศัพท์เนี่ย หรือไม่ก็ถือโทรศัพท์มือนึงจับแฮนด์มือเดียวกลับรถเนี่ย เรื่องมันคอขาดบาดตายขนาดที่เราควรเอาชีวิตมาเสี่ยงขนาดนี้เหรอ
คุยตอนขับรถเหมือนกัน เราไม่เถียงหรอกนะว่าเราก็เป็นคนนึงที่ใช้ แต่เราพยายามใช้ให้น้อยที่สุด ไม่ก็ผ่าน small talk แต่สิ่งนึงที่เรารู้ตัวเลยคือพอคุยโทรศัพท์ไปขับรถไป มันดึงสมาธิจากการขับรถไปจริงๆนะ แล้วที่เจอเป็นประจำเนี่ย วิ่งเลนขวาบนทางด่วน ขับช้ามาก จี้ก้แล้ว เปิดไฟก้แล้ว ไม่สำนึก พอแซงไปได้ โอ้ววว คุยโทรศัพท์อยู่
ทำไงเราถึงจะใช้โทรศัพท์กันอย่างมีคุณภาพมากขึ้นนะ
ヨーロッパの予定
私といい仲間は大学生からヨーロッパ行くの予定があるんだ。もう7年-8年くらい、今からはじめる!
どこに行くとか、何泊に泊まるとか、まだ決まったないけど、いいstartと思う。 これから少しずつ考える!
どこに行くとか、何泊に泊まるとか、まだ決まったないけど、いいstartと思う。 これから少しずつ考える!
29歳になりました。
もう29になりました。なんか、自分の事全然考えない。どうなるとか、これから何をするとか。学校をやめたけど、今まで何もしなかった。ゲームとネットをばかりだ、辞めたほうがいいんだと思う。でも、できなかった。どうしょう!どうしょう!
Wednesday, June 23, 2010
Thursday, June 17, 2010
Tuesday, June 15, 2010
finally
หลังจากนั่งคิดกับตัวเองมาหลายวัน ในทีสุดก็ได้ฤกษ์โทรหาแม่
แม่ที่แสนดี และเข้าใจก็ยอมรับในการตัดสินใจของเรา
ถามว่ากลัวไม๊ เสียดายไม๊ ตอบได้เลยว่ากลัวและเสียดาย
กลัวเหมือนกันว่าอารมณ์เพียงแวบเดียวจะทำให้อะไรอะไรเสียหายไป
แต่เราเองก็คงไม่สามารถทนมันได้อีกแล้ว มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกมาทุกๆเทอม
เรารู้ตัวว่าเราคงไม่เหมาะกับมัน เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเรียนแต่แรก
แค่เรียนตามกระแส สุดท้ายก็จะฝืนตัวเองไปทำไม
ตอนนี้อยากหนีไปไกลๆจากทุกสิ่งอย่างเผื่อว่ามันจะทำให้หัวเราปลอดโปร่งและมองอะไรด้วยสติซักที
แม่ที่แสนดี และเข้าใจก็ยอมรับในการตัดสินใจของเรา
ถามว่ากลัวไม๊ เสียดายไม๊ ตอบได้เลยว่ากลัวและเสียดาย
กลัวเหมือนกันว่าอารมณ์เพียงแวบเดียวจะทำให้อะไรอะไรเสียหายไป
แต่เราเองก็คงไม่สามารถทนมันได้อีกแล้ว มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกมาทุกๆเทอม
เรารู้ตัวว่าเราคงไม่เหมาะกับมัน เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเรียนแต่แรก
แค่เรียนตามกระแส สุดท้ายก็จะฝืนตัวเองไปทำไม
ตอนนี้อยากหนีไปไกลๆจากทุกสิ่งอย่างเผื่อว่ามันจะทำให้หัวเราปลอดโปร่งและมองอะไรด้วยสติซักที
Friday, May 21, 2010
Monday, May 17, 2010
Sunday, April 11, 2010
Saturday, March 13, 2010
Lan la lunch~
Wednesday, March 3, 2010
Beginning of Life on the road label ^^
Monday, March 1, 2010
Kinniku Gyudon
- Posted using BlogPress from my iPhone
Tuesday, February 16, 2010
hurt again
เจ็บแล้วไม่จำ ทำไมว่ะ
คิดว่าเป็นเพราะการถูกปฏิเสธเป็นสิ่งที่เราไม่เคยชินมากกว่า เลยไม่ยอมรับมัน
เพราะปกติเราเป็นคนเลือก ไม่ใช่คนถูกเลือก เลยทำใจไม่ได้
แต่จริงๆมันก็ดีนะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนหมางเมิน ทำให้เราไม่อยากทำร้ายคนอื่นด้วยความผิดแบยเดียวกับที่เราโดนกระทำ
จงจำความรู้สึกนี้ไว้นะ จำไว้
It's time to say 'sayonara' for real.
- Posted using BlogPress from my iPhone
คิดว่าเป็นเพราะการถูกปฏิเสธเป็นสิ่งที่เราไม่เคยชินมากกว่า เลยไม่ยอมรับมัน
เพราะปกติเราเป็นคนเลือก ไม่ใช่คนถูกเลือก เลยทำใจไม่ได้
แต่จริงๆมันก็ดีนะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนหมางเมิน ทำให้เราไม่อยากทำร้ายคนอื่นด้วยความผิดแบยเดียวกับที่เราโดนกระทำ
จงจำความรู้สึกนี้ไว้นะ จำไว้
It's time to say 'sayonara' for real.
- Posted using BlogPress from my iPhone
Saturday, February 13, 2010
Tuesday, February 9, 2010
Monday, February 1, 2010
Recently
หลังๆมา บ็อกเป็นไรไม่รู้ hang hang พิกล งงเจงๆ
anyway, ตอนนี้เหมือนจะควบคุมตัวเองได้มากขึ้น พยายามที่จะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจอีก
แต่พออยู่ซึ่งๆก็อ่อนไหวทู้กที ตรูเซ็ง แบบวันศุกร์ที่ผ่านมายวบไปเลย แค่มาปัดผมหน้าอ่ะ แค่นั้นจริิงๆ
ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ก็อดคิดไม่ได้ทุกที เฮ้อออออ
anyway, ตอนนี้เหมือนจะควบคุมตัวเองได้มากขึ้น พยายามที่จะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจอีก
แต่พออยู่ซึ่งๆก็อ่อนไหวทู้กที ตรูเซ็ง แบบวันศุกร์ที่ผ่านมายวบไปเลย แค่มาปัดผมหน้าอ่ะ แค่นั้นจริิงๆ
ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ก็อดคิดไม่ได้ทุกที เฮ้อออออ
Friday, January 29, 2010
ฉันคิดอย่างนั้น -- มิ้น สวรรยา
พึ่งเ้คยฟัง ชอบเนื้อหามากๆๆ ^^
เมื่อในบางครั้งที่ฉันนั้นเหงาและฉันเสียใจ
คิดไปเองว่าน่าจะมีใครที่อยู่ข้างกัน
คนที่คอยมองมาสบตาให้ใจฉันสั่น
เศร้าด้วยกันในวันที่ฉันผิดหวังร้องไห้
* และเมื่อฉันนั้นได้คิดถึง รักที่เคยผ่านไปแล้ว
ทุกๆ คนเข้ามาแล้วจากไป
เกิดคำถามที่หัวใจ ที่เคยได้รักใครมันคืออะไร
** เมื่อในวันนี้ที่ฉันไม่มีใครอยู่
แต่ฉันก็ยังคงอยู่ คิดแล้วดีใจ
ที่เคยได้รัก เท่านั้นมันก็ยิ่งใหญ่
และฉันก็ไม่เสียใจ ฉันคิดอย่างนั้น
เมื่อมองชีวิตแล้วฉันก็คิดว่ามันสวยงาม
แล้วทำไมต้องคอยผิดหวังกับสิ่งที่ยังไม่มี
เปิดให้ใจมองความสดใสในวันที่ดี
โลกทั้งใบยังมีอะไรให้เรามากมาย
คิดไปเองว่าน่าจะมีใครที่อยู่ข้างกัน
คนที่คอยมองมาสบตาให้ใจฉันสั่น
เศร้าด้วยกันในวันที่ฉันผิดหวังร้องไห้
* และเมื่อฉันนั้นได้คิดถึง รักที่เคยผ่านไปแล้ว
ทุกๆ คนเข้ามาแล้วจากไป
เกิดคำถามที่หัวใจ ที่เคยได้รักใครมันคืออะไร
** เมื่อในวันนี้ที่ฉันไม่มีใครอยู่
แต่ฉันก็ยังคงอยู่ คิดแล้วดีใจ
ที่เคยได้รัก เท่านั้นมันก็ยิ่งใหญ่
และฉันก็ไม่เสียใจ ฉันคิดอย่างนั้น
เมื่อมองชีวิตแล้วฉันก็คิดว่ามันสวยงาม
แล้วทำไมต้องคอยผิดหวังกับสิ่งที่ยังไม่มี
เปิดให้ใจมองความสดใสในวันที่ดี
โลกทั้งใบยังมีอะไรให้เรามากมาย
Thursday, January 21, 2010
Tuesday, January 19, 2010
Sunday, January 3, 2010
random part 2
randomly found this quote from FB: when you fall in love, you don't fall out of love...
Subscribe to:
Posts (Atom)
[SKE48] ซิงเกิ้ลที่ 32 ซิงใหม่ของ SKE48 Ai no Hologram
ขอโปรโมทซิงใหม่ของ SKE48 หน่อยจ้า ส่วนตัวถึงแม้จะติดตามวงมาไม่นาน รู้สึกชอบวงนี้มาก เต้นสวย เต้นแข็งแรง มีสเตจใหม่ครบ 3 ทีม มีความเพิร์ฟดีมา...
-
อยากบันทึกเอาไว้สำหรับประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต ถึงจะเป็นผ่าตัดเล็กๆก็เหอะ หลังจากต่อสู้กับคุณ ไซนัสอักเสบ มาเป็นเวลานานมาก กินยา...
-
→ เพลงนี้ได้ยินครั้งแรกตอนไปดูละครนิเทศสมัยยังเด็กน้อยใส่จีบรอบ ตอนนั้นฟังแล้วชอบนะ ยิ่งรู้ว่าคนแต่งคือมะเดี่ยวเพื่อนร่วมรุ่นที่โรงเรียนด้วย...