อยากบันทึกเอาไว้สำหรับประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต ถึงจะเป็นผ่าตัดเล็กๆก็เหอะ
หลังจากต่อสู้กับคุณ
ไซนัสอักเสบมาเป็นเวลานานมาก กินยาฆ่าเชื้อมานับไม่ถ้วน ก็ถึงเวลาต้องผ่าตัดจริงๆเสียที
หลังจากเปลี่ยนไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลพระราม 9 มา 5-6 เดือน คุณหมอบอกว่าไม่ไหวแล้ว ถึงทนกินยาได้ แต่มันไม่ดีขึ้นเลย คงถึงเวลาต้องผ่าซักทีหลังจากที่เราเองก็ยื้อมานาน ผล CT ออกมาตามคาด มีโพรงจมูกคดด้านซ้ายตามที่หมอบอกหลังจากส่องกล้องครั้งแรก มีเมือกเต็มโพรงไซนัสเกือบทั้งหมด มันทึบมากๆ ยังดีไม่อักเสบจากเชื้อรา หมอบอกว่าถ้าเป็นเชื้อรามันจะเกาะแน่น ไม่ไหลไปมา แต่มีจุดนึงใกล้ประสาทตาที่ค่อนข้างเสี่ยงแล้วก็เครื่องมือของ รพ นี่ไม่พร้อม หมอเลยแนะนำให้ไปผ่าที่เครื่องมือพร้อมกว่า พวกเอกชนก็ราม บำรุงราษฎร์ รพ.รัฐหลักๆนี่มีอยู่แล้ว
สรุปเลยจะไปผ่ากับหมอ รพ.รัฐแห่งนึง คิวคุณหมอแน่นมากๆ ต้องไปหาคุณหมอที่ รพ เอกชนก่อนเพื่อขอคิวไปพบหมออีกที สรุปได้นัดมาผ่าเดือน พค แต่ต้องมีตรวจหอบหืดก่อนเพราะต้องดมยา สอดท่อ เดี๋ยวมีปัญหา เราเองก็ไม่ได้หาหมอรักษาหอบหืด อันนี้เป็นข้อผิดพลาดใหญ่ของตัวเองโดยคิดว่าหอบไม่มีก็ไม่ต้องหาหมอ ตอนนี้ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นอะไร
พอไปหาหมอหอบหืด ก็เล่าให้หมอฟังว่าพึ่งเป็น เกิดมาสองครั้งในรอบครึ่งปี หมอก็บอกว่านี่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเหรอ ปอดวิ้ดเต็มไปหมด ตกใจเหมือนกัน บอกหมอไม่รู้สึกไรเลยค่ะ 55 หมอบอกว่าตอนนี้อาจยังไม่รู้ แต่ถ้าไม่รักษามันจะมีปัญหาตอนแก่ตัว จุดสำคัญคือทำไงไม่ให้หอบขึ้นเลย ไม่ใช่ว่าหอบขึ้นแล้วค่อยรักษา สุดท้ายหมอเลยให้ยา symbicort มาพ่นอาทิตย์นึงแล้วนัดมาเป่าปอดเพื่อดูว่าจะผ่าตัดได้ไหม
วันที่ 1 พฤษภา - อาทิตย์นึงผ่านไป มาเป่าปอด คุณพยาบาลใจดีมาก คอยกระตุ้นเวลาเป่าปอดสุดๆ
วิธีการเป่าปอด
1. หายใจออกให้หมด
2. คาบที่เป่าไว้ มีคลิปมาหนีบจมูกไม่ให้หายใจทางจมูก
3. หายใจเข้าให้เต็มปอด จนสุด
4. พ่นลมออกอย่างเร็วและแรง หายใจออกให้ได้ 6 วินาที
ความยากมันอยู่ตรงหายใจออกให้นาน 6 วินาทีนี่แหละ มันไม่ถึง 6 วิซักกะที พยาบาลก็ให้กำลังใจตลอด ทำได้ๆ เอาอีก ไหวๆ เป่าไป 6 ครั้งได้มั้งกว่าจะได้ผลที่โอเค
เป่าเสร็จ พ่นยา รอ 15 นาที มาเป่าอีกรอบ คราวนี้เหมือนหมดแรง เป่าไม่แรงเท่าทีแรก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนจะขาดใจ หมอบอกว่ามีหลอดลมตีบนิดหน่อย ไม่เป็นอุปสรรคในการผ่าตัด แต่ก็ยังต้องพ่นยาไปเรื่อยๆ แล้วอีกสามเดือนค่อยมาปรับขนาดยาพ่นอีกที
จากนั้นก็ไปหาวิสัญญีแพทย์ ผลเลือด ปอด ทุกอย่างโอเค ไม่มีปัญหา ก็สบายใจไป
วันที่ 7 พฤษภา ดีเดย์มาถึง แต่วันก่อนหน้ายังงกๆทำงานถึงสามทุ่ม นัดผ่าตอนบ่ายสาม เค้านัดไป admit ตอนสิบโมง ด้วยความกลัวรถติดจัด เรากับแม่ไปถึงตอนก่อนเก้าโมง คุณคนที่โทรนัดก็บอกว่านัดกันไว้สิบโมงนิคะ เลยต้องนั่งรอนานมาก เอกสารมาช้ากว่าจะได้ไปที่วอร์ดก็เกือบสิบเอ็ดโมง แล้วคุณพยาบาลก็เดินมาบอกว่าเลื่อนเวลาค่ะ เดี๋ยวผ่าเลย เฮ้ยตกใจแพร๊พ ไม่ทันตั้งตัว คุณพยาบาลมาเลยเจาะให้น้ำเกลือ หน้ากากครอบพ่นยา ตื่นเต้น 55 ไม่เคยให้น้ำเกลือ ไม่เคยครอบหน้ากากมาก่อนในชีวิต
เที่ยงกว่าๆก็มีพยาบาลจากห้องผ่าตัดมารับตัว แม่กับพี่เดินมาส่งด้วย เราไม่รู้ว่าหน้าตาเราอาจจะแพนิคแบบไม่รู้ตัวป่าวไม่รู้ แม่ก็บอกไม่มีไร พยาบาลบอกดูหน้าตาซีดนะคะ หลังจากเข้าไปในเขตผ่าตัดแล้วพยาบาลก็ดีนะเค้าก็ชวนคุยนอกเรื่องให้ผ่อนคลาย ถามว่่าเดินเยอะเหรอคะ เท้าดูแห้งกร้าน (จี้ใจดำสุดๆ) เค้าก็บอกทาโลชั่น ใส่ถุงเท้านอนจะช่วยได้ แล้วเค้าก็พาไปนอนอีกห้องนึงรอเวลา ตอนนั้นปวดฉี่มาก 555
บ่ายโมงก็โดนเข็นไปห้องผ่าตัดจริงจริงแล้ว ไฟสว่างไปหมด หมอถามว่าเป็นไงบ้าง ได้แต่ยิ้ม ไม่รู้พูดไร เห็นหน้าหมอผ่าตัดแค่นั้น แล้วหมอดมยาก็มาถามว่าชื่ออะไร เคยผ่าตัดมาก่อนไม๊ เดี๋ยวเค้าจะฉีดยาให้นะแล้วก็จะหลับไปนะ ................ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าน้ำตาไหลพราก แล้วก็เห็นหมอดมยาลางๆ จำไรไม่ได้เลย ร้อนมากกก หิวน้ำมาก ถามพยาบาลแถวนั้นว่ากินน้ำได้ไหม เค้าบอกไม่ได้ คงกลัวจะสำลัก เหงื่อนี่อย่างท่วม ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาหรือว่าเพราะอากาศในห้องนั้น ร้อนก็ร้อน นอนก็ไม่หลับ กระสับกระส่าย เวลาผ่านไปน่าจะซักชั่วโมงแหละมั้ง เค้าคงดูอาการ แต่หายใจได้นะ ไม่มีอะไรมาอุดเหมือนที่คนอื่นบอกกัน หายใจได้สบาย จมูกโล่ง หารู้ไม่ว่าจริงๆมันเป็นเพราะยาช่วยต่างหากก
ได้เวลาเค้าก็พากลับห้อง อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เปลี่ยนชุด ในที่สุดก็ได้กินน้ำกับฉี่ 5555 ดีอย่างที่เราไม่มีอาการมึนจากยาสลบเลย ชิลล์มาก หน้าตาผ่องใส ไม่อิดโรย ญาติๆที่แวะมาบอกเลยว่าหน้าไม่เหมือนคนผ่าตัดมา กินได้ ทำไรได้สบาย ไม่เจ็บ ตอนแรกกลัวมากเพราะมีแต่คนบอกว่าเจ็บมาก
มื้อเย็นกินข้าวต้มกับกับข้าว อาหารโรงพยาบาลอร่อยดี
ตอนแรกยังรู้สึกจมูกโล่ง ซักพักพยาบาลมาให้ล้างจมูก เลือดเพียบ! และจมูกก็ไม่รู้สึกโล่งอีกต่อไป 5555 แต่ก็รู้อยู่ว่าจะต้องมีเลือดซึมๆออกมา ก็มีทิชชู่กองไว้ข้างตัวเหมือนสมัยเป็นไซนัส แต่อันนี้เป็นเลือดแทนมูก โหดกว่า ความทรมานคือต้องหายใจทางปากอย่างเดียว จมูกไม่ได้เลย แล้วพอหายใจทางปาก คอเอย ริมฝีปากเอยแห้งสุดๆ ต้องคอยจิบน้ำตลอด พอถึงตอนนอนก็นอนไม่ค่อยได้ เพราะหายใจไม่ออก แล้วก็คอแห้ง สะดุ้งตื่นทั้งคืน
วันถัดมาหลังผ่าตัด
ล้างจมูก กินข้าว กินยาเหมือนเดิม แล้วก็รอหมอมาตรวจ หมอมาถึงประโยคแรกเลย "เคสคุณโคตรยากเลย มิน่าหมอเค้าถึงทรานสเฟอร์มา มันเขียวเหมือนเป็นวุ้นๆ น่าจะเรื้อรังมานานมาก แล้วก็อักเสบจนกลายเป็นกระดูก มีริดสีดวงจมูกด้วย ผนังกั้นโพรงจมูกคดอีก แต่ผมเอาออกไปหมดแล้ว" ที่เหลือก็มา follow up หมอมาอย่างรวดเร็ว พูดอย่างรวดเร็ว และจากไปอย่างรวดเร็ว 555
กินข้าวแล้วก็เช็คเอ้าท์ กลับบ้าน
อาการหลังจากนั้นก็ยังมีหายใจไม่ค่อยออก เสียงขึ้นจมูก เลือดซึม เรื่อยๆ แต่มันก็มีบางโมเม้นท์นะที่ล้างจมูกแล้วโล่งสุดๆ ก็หวังว่าเราอย่าได้มาเจอกันอีกเลยนะไซนัสนะ ต่อไปต้องออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง